นักวิชาการชี้นโยบายแจกแท็บเล็ตพังแน่ป้องเด็กดูสื่อลามกไม่ได้
นักวิชาการย้ำวิจัยเด็กใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต แทบเล็ต เพื่อการเรียนรู้เพียง 20% อีก 80 %จะนำไปใช้ผิดประเภท เช่น เล่มเกม ดูเวบโป๊ ค้านเด็กเอาแท็บเล็ตกลับบ้าน เพราะเด็กจะหมกมุ่น ปล่อยให้ออกกำลังกายและทำกิจกรรมครอบครัวดีกว่า พร้อมแนะ ศธ.ปฎิรูปการเรียนการสอนจริงจัง
วันนี้ ( 21 ส.ค.) รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากการวิจัยยืนยันมาตลอดว่าเด็กจะใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต แทบเล็ต เพื่อการเรียนรู้เพียง20%อีก 80 %จะนำไปใช้ผิดประเภท เช่น เล่มเกม ดูเวบโป๊ ขณะที่ปัจจุบันเด็กส่วนใหญ่จะอยู่กับอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ วันละ5-6 ชั่วโมง ซึ่งเสี่ยงอันตรายและปูพื้นฐานเด็กหมกมุ่นใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ไม่เหมาะสม ดังนั้นถ้าจะให้เด็กโดยเฉพาะเด็กป.1นำแทบเล็บกลับไปบ้านอีกจะยิ่งทำให้เด็กหมกมุ่นและใช้แท็บเล็บผิดประเภทมากขึ้น แทนที่เด็กกลับบ้านจะทำกิจกรรมอื่นๆที่เกิดประโยชน์ เช่น เล่นกีฬา ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวเป็นต้น ส่วนที่ทางกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) บอกว่าการจะให้เด็กนำแท็บเล็บกลับบ้านได้หรือไม่เป็นดุลย์พินิจของผู้บริหารและครูนั่นว่าเป็นการปัดความรับผิดชอบถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ตนจึงเห็นว่าไม่เห็นด้วยให้เด็กนำแท็บเล็ตกลับบ้าน
รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในช่วง3เดือนที่แจกแทบเล็บไปแล้วจะต้องนระมัดระวังเรื่องเครื่องจะมีปัญหา เสียและต้องซ่อม เพราะคุณภาพไม่ค่อยจะดี โดย ศธ.ควรที่จะหาสถาบันการศึกษาในพื้นที่อย่างวิทยาลัยอาชีวศึกษา เข้ามาค่อยช่วยซ่อมเครื่องให้หากมีปัญหา และหลังจากแจกแท็บเล็ตไปแล้ว 6เดือนสิ่งที่ตนห่วงและกังวลมากคือจะทิ้งห้องเรียน เพื่อไปทำผลงานที่เป็นเอกสาร และปล่อยให้เด็กอยู่กับแทบเล็ต โดนไม่มีใครคอยชี้แนะหรือชี้นำการใช้แทบเล็ตในการเรียนรู้ สุดท้ายแทบเล็ตจะเข้ามาแทนบทบาทของครู
" ถ้าศธ.ยังไม่เตรียมตัวป้องกันเรื่องเด็กนำแทบเล็บไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทั้งเรื่องสื่อลามก. ดูเวบไซต์โป๊ เล่นเกม นโยบายแจกแท็บเล็ตพังไม่เป็นท่าแน่นอน ช่วง2-3ปี ไม่ปฎิรูปการเรียนรู้ เอาเด็กเป็นศูนย์กลาง พัฒนาครูและบูรณาการเรียนการสอนเชิงนโยบายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการศึกษา หรือไม่พยายามทำให้แทบเล็ตเป็นเครื่องช่วยสอนอย่างที่บอก 3ปีจากนี้ก็เป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์แน่นอน" รศ.ดร.สมพงษ์กล่าว
รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในช่วง3เดือนที่แจกแทบเล็บไปแล้วจะต้องนระมัดระวังเรื่องเครื่องจะมีปัญหา เสียและต้องซ่อม เพราะคุณภาพไม่ค่อยจะดี โดย ศธ.ควรที่จะหาสถาบันการศึกษาในพื้นที่อย่างวิทยาลัยอาชีวศึกษา เข้ามาค่อยช่วยซ่อมเครื่องให้หากมีปัญหา และหลังจากแจกแท็บเล็ตไปแล้ว 6เดือนสิ่งที่ตนห่วงและกังวลมากคือจะทิ้งห้องเรียน เพื่อไปทำผลงานที่เป็นเอกสาร และปล่อยให้เด็กอยู่กับแทบเล็ต โดนไม่มีใครคอยชี้แนะหรือชี้นำการใช้แทบเล็ตในการเรียนรู้ สุดท้ายแทบเล็ตจะเข้ามาแทนบทบาทของครู
" ถ้าศธ.ยังไม่เตรียมตัวป้องกันเรื่องเด็กนำแทบเล็บไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทั้งเรื่องสื่อลามก. ดูเวบไซต์โป๊ เล่นเกม นโยบายแจกแท็บเล็ตพังไม่เป็นท่าแน่นอน ช่วง2-3ปี ไม่ปฎิรูปการเรียนรู้ เอาเด็กเป็นศูนย์กลาง พัฒนาครูและบูรณาการเรียนการสอนเชิงนโยบายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการศึกษา หรือไม่พยายามทำให้แทบเล็ตเป็นเครื่องช่วยสอนอย่างที่บอก 3ปีจากนี้ก็เป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์แน่นอน" รศ.ดร.สมพงษ์กล่าว